‘ลอว์เฟิร์มตะวันตก’ ปาดเหงื่อ เมื่อ ‘บริษัทกฎหมายจีน’ ตัดราคา 50% สยายปีกบุกต่างประเทศ

‘ลอว์เฟิร์มตะวันตก’ ปาดเหงื่อ เมื่อ ‘บริษัทกฎหมายจีน’ ตัดราคา 50% สยายปีกบุกต่างประเทศ

ขอไม่อยู่เพียงตลาดจีน “ลอว์เฟิร์มแห่งแดนมังกร” มุ่งเป้าสู่เวทีระดับโลก สยายปีกรุกต่างประเทศ หวังชิงเค้กจาก “ลอว์เฟิร์มตะวันตก” โดยในบางเคส จีนเสนอราคาที่ “ถูกกว่า” ถึง 50% เน้นรุกกลุ่มประเทศ BRI

ไม่ใช่เพียงสินค้าอุตสาหกรรมและรถยนต์ไฟฟ้าที่จีนลงมาแข่ง แม้แต่ “บริการที่ปรึกษากฎหมายจีน” ที่อาศัยทักษะซอฟต์สกิล จีนก็สยายปีกรุกเวทีนานาชาติ จน “สำนักงานกฎหมายตะวันตก” ซึ่งครองตลาดใหญ่ที่สุดในขณะนี้ เหงื่อตกไปตาม ๆ กัน โดยในบางเคส จีนเสนอราคาที่ “ถูกกว่า” ลอว์เฟิร์มตะวันตกถึง 50%

เดิมทีนั้น ในสหราชอาณาจักร (UK) สำนักงานกฎหมายหรือลอว์เฟิร์มที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ถูกเรียกว่า “Magic Circle” มีอยู่ 5 แห่ง ได้แก่ Allen & Overy, Clifford Chance, Freshfields Bruckhaus Deringer, Linklaters และ Slaughter and May

ในขณะเดียวกัน ฝั่งจีนเองก็มีการจัดกลุ่มสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในระดับท็อปเช่นกัน เรียกว่า “Red Circle” ประกอบด้วยบริษัทกฎหมายจีน 8 แห่ง เช่น Zhong Lun, Jingtian & Gongcheng และ Fangda โดยการเรียกชื่อกลุ่ม Red Circle ปรากฎขึ้นเป็นครั้งแรกในนิตยสารกฎหมายของอังกฤษ The Lawyer เมื่อปี 2557  

ที่น่าสนใจก็คือ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า เมื่อปีที่แล้ว มีบริษัทกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในจีนอย่างน้อย 8 แห่ง (ทั้งในและนอกกลุ่ม Red Circle) “กำลังสยายปีก” รุกต่างประเทศ โดยทยอยเปิดสาขาทั้งในเอเชียและสหรัฐกันตั้งแต่ต้นปี 2566 และยังมีแผนจะเปิดสำนักงานในอีกหลายประเทศตามมา จนขึ้นมาท้าทายลอว์เฟิร์มฝั่งตะวันตก

‘ลอว์เฟิร์มตะวันตก’ ปาดเหงื่อ เมื่อ ‘บริษัทกฎหมายจีน’ ตัดราคา 50% สยายปีกบุกต่างประเทศ - ลอว์เฟิร์มให้คำปรึกษากฎหมาย (เครดิต: Shutterstock) -

ลอว์เฟิร์มจีนสยายปีกบุกต่างประเทศ

สำหรับการขยับครั้งใหญ่ของเหล่าลอว์เฟิร์มสัญชาติจีนนั้น เช่น Jingsh Law Firm ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่ง ได้ประกาศแผนตั้งสำนักงานในเกาหลีและญี่ปุ่นในปีนี้

ส่วน Han Kun Law Offices เปิดสาขาที่นิวยอร์กในสหรัฐเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านั้นไปตั้งออฟฟิศที่สิงคโปร์

ขณะที่ DeHeng Law Offices ได้ก่อตั้งสำนักงานแรกในอาเซียนที่ลาวเมื่อปีที่แล้ว เพื่อให้บริการทางกฎหมายที่เกี่ยวกับโครงการข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRI) ของจีน และ Yingke Law Firm เปิดออฟฟิศในแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจ BRICS ที่มีจีนเป็นผู้นำ

ถึงแม้ว่าสำนักงานกฎหมายที่เปิดในต่างประเทศเหล่านี้ ได้ให้บริการลูกค้าจีนเป็นส่วนใหญ่ แต่ อลัน สวี่ (Alan Xu) หุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัทกฎหมาย Zhong Lun ในฮ่องกง กล่าวว่า สิ่งนี้กำลังเปลี่ยนไป เพราะตอนนี้ ลอว์เฟิร์มจีน มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว โดยจ้างทนายที่มีประสบการณ์จากต่างประเทศเข้ามา และขยายกิจการไปตลาดนานาชาติในเชิงรุกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนและฮ่องกงชะลอตัวลง รวมถึงเผชิญกฎหมายความมั่นคงจีนที่เข้มงวดขึ้น เหล่าลอว์เฟิร์มตะวันตกจึงขอโบกมือลาไม่น้อย และกลายเป็น “โอกาสทอง” ของลอว์เฟิร์มจีนในการเข้ามาเสียบแทน

โอกาสของธุรกิจนี้ คือ เมื่อชาวจีนจำนวนมากออกไปทำธุรกิจต่างประเทศ การจะค้าขายอย่างคล่องตัวโดยไม่มีอุปสรรค และไม่ต้องเสี่ยงผิดกฎหมายต่างประเทศ จำเป็นต้องรู้กฎหมาย และนี่จึงทำให้ธุรกิจนี้ดูโดดเด่นขึ้นมา และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างยิ่ง

ชิงเค้กจากลอว์เฟิร์มตะวันตกไม่ง่าย

ถึงแม้ว่าจีนจะมีกลุ่ม “Red Circle” ที่ขึ้นมาท้าชนสำนักงานกฎหมายฝั่งตะวันตก แต่เมื่อเทียบในส่วนรายได้ประจำปี 2565 แปดลอว์เฟิร์มจีนของกลุ่ม Red Circle นั้นมีรายได้น้อยกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Kirkland & Ellis ลอว์เฟิร์มสหรัฐซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีรายได้ในปี 2565 ที่ 6,500 ล้านดอลลาร์

อีกทั้งในมุมมองของสวี่ แม้เขามองว่าลอว์เฟิร์มจีนเติบโตเร็ว แต่การจะแข่งขันกับลอว์เฟิร์มตะวันตกนั้น ต้องใช้ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศสูง และทำงานร่วมกับระบบกฎหมายที่หลากหลาย จึงไม่ง่ายที่จีนจะท้าชิงเค้กนี้

ส่วนวอร์เรน ฮวา (Warren Hua) หุ้นส่วนผู้จัดการของลอว์เฟิร์มจีน JunHe ให้ความเห็นว่า “กาลเวลา” จะเป็นบทพิสูจน์ว่า สำนักงานกฎหมายจีนจะสามารถผงาดขึ้นครองตลาดกฎหมายในฮ่องกงและขยายขอบเขตการให้บริการไปสู่ลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ นอกเหนือจากชาวจีนได้หรือไม่

อีกทั้งฮวาชี้ว่า ลอว์เฟิร์มจีนในขณะนี้ ยังขาดความเชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะทางเมื่อเทียบกับคู่แข่งตะวันตก แต่เขายืนยันว่าจีนกำลังไล่ตามมา และช่องว่างดังกล่าวกำลังแคบลงอย่างรวดเร็ว

อ้างอิง: ft